อาหารพื้นบ้านภาคกลาง
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ข้าวปลาอาหารจึงอุดมสมบูรณ์เกือบตลอดทั้งปี รวมทั้งมีพืชผัก ผลไม้นานาชนิด
ด้วยเหตุนี้อาหารภาคกลางจึงเป็นอาหารที่มีความหลากหลาย ทำให้รสชาติของอาหารภาคกลางไม่เน้นไปทางรสใดรสหนึ่งโดยเฉพาะ คือมีทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว และหวานคลุกเคล้าไปตามชนิดต่างๆของอาหาร นอกจากนี้มักมีการใช้เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น เครื่องเทศ และมักใช้กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหาร
อาหารภาคกลางเป็นอาหารที่มักจะมีเครื่องเคียงของแนมร่วมรับประทานด้วย เช่น น้ำพริกลงเรือ แนมด้วยหมูหวาน น้ำปลาหวานทานกับสะเดา เป็นต้น
จุดเด่นคือ อาหารภาคกลางมักจะมีการประดิษฐ์ สร้างสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง ผัก และผลไม้มีการแกะสลักอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงาม
ด้วยเหตุนี้อาหารภาคกลางจึงเป็นอาหารที่มีความหลากหลาย ทำให้รสชาติของอาหารภาคกลางไม่เน้นไปทางรสใดรสหนึ่งโดยเฉพาะ คือมีทั้งรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว และหวานคลุกเคล้าไปตามชนิดต่างๆของอาหาร นอกจากนี้มักมีการใช้เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรส เช่น เครื่องเทศ และมักใช้กะทิเป็นส่วนประกอบของอาหาร
อาหารภาคกลางเป็นอาหารที่มักจะมีเครื่องเคียงของแนมร่วมรับประทานด้วย เช่น น้ำพริกลงเรือ แนมด้วยหมูหวาน น้ำปลาหวานทานกับสะเดา เป็นต้น
จุดเด่นคือ อาหารภาคกลางมักจะมีการประดิษฐ์ สร้างสรรค์อย่างวิจิตรบรรจง ผัก และผลไม้มีการแกะสลักอย่างสวยงาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงาม
มัสมั่นหมู
ส่วนผสม
หมูสันนอก 1 กิโลกรัม
หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง
หางกะทิ 4 ถ้วยตวง
ถั่วลิสงคั่ว 1 ถ้วย
หอมใหญ่หัวเล็ก
ฝรั่งหั่นเต๋าใหญ่ 2 หัว
ลูกกระวานคั่ว 5 ลูก (ใช้สำหรับลอยน้ำแกง)
อบเชยคั่วยาว 1 ซม. 1 ชิ้น (ใช้สำหรับลอยน้ำแกง)
น้ำมะขามเปียกข้นๆ 1/3 ถ้วยตวง
น้ำตาลปีบ 1/3 ถ้วยตวง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
คนอร์อร่อยชัวร์รสไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 9 เม็ด
หอมแดงซอย 7 หัว
กระเทียมแกะเปลือก 12 กลีบ
ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ลูกผักชี และรากผักชี อย่างละ 1 ช้อนชา
ข่าซอย 5 แว่น
พริกไทย 12 เม็ด
ยี่หร่า 1 ช้อนชา
ลูกกระวานคั่ว (แกะเอาเมล็ดข้างในคั่ว) 2 ลูก
อบเชยคั่ว 1 เซนติเมตร
กานพลู 3 ดอก
กะปิเผา 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
หมูสันนอก 1 กิโลกรัม
หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง
หางกะทิ 4 ถ้วยตวง
ถั่วลิสงคั่ว 1 ถ้วย
หอมใหญ่หัวเล็ก
ฝรั่งหั่นเต๋าใหญ่ 2 หัว
ลูกกระวานคั่ว 5 ลูก (ใช้สำหรับลอยน้ำแกง)
อบเชยคั่วยาว 1 ซม. 1 ชิ้น (ใช้สำหรับลอยน้ำแกง)
น้ำมะขามเปียกข้นๆ 1/3 ถ้วยตวง
น้ำตาลปีบ 1/3 ถ้วยตวง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
คนอร์อร่อยชัวร์รสไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 9 เม็ด
หอมแดงซอย 7 หัว
กระเทียมแกะเปลือก 12 กลีบ
ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ลูกผักชี และรากผักชี อย่างละ 1 ช้อนชา
ข่าซอย 5 แว่น
พริกไทย 12 เม็ด
ยี่หร่า 1 ช้อนชา
ลูกกระวานคั่ว (แกะเอาเมล็ดข้างในคั่ว) 2 ลูก
อบเชยคั่ว 1 เซนติเมตร
กานพลู 3 ดอก
กะปิเผา 2 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำอาหาร
1. คั่วหัวหอมแดง กระเทียม ข่า ตะไคร้ ลูกผักชี รากผักชี พริกไทย ยี่หร่า ลูกกระวาน อบเชย และกานพลูด้วยไฟอ่อนให้หอม แล้วโขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด พักไว้
ต้มเนื้อหมูกับหางกะทิประมาณ 30 นาที จนหมูสุกแล้วพักไว้ (เก็บน้ำต้มหมูไว้)
2. นำหัวกะทิ 1 ถ้วยตวง ตั้งไฟใส่เครื่องแกงลงไปผัดจนหอมและแตกมัน (ระหว่างผัด หากแห้งเกินไปสามารถเติมหัวกะทิเพิ่มได้) ใส่หมูที่ต้มไว้ลงผัด ใส่หัวกะทิที่เหลือ และน้ำต้มหมูที่เหลือ
3.เมื่อน้ำกะทิเดือด ใส่คนอร์อร่อยชัวร์รสหมู มันฝรั่ง หัวหอมใหญ่ ถั่วลิสงคั่ว ลูกกระวาน และ อบเชยแท่งลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีบ และน้ำมะขามเปียก เคี่ยวต่ออีกประมาณ 15-20 นาที หรือจนหมูสุกนุ่ม
หมายเหตุ รับประทานคู่กับขิงดอง แตงกวาดอง หรือ น้ำอาจาด ส่วนเนื้อหมูสามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อส่วนอื่นๆ ได้ตามชอบแต่อาจจะใช้เวลาการเคี่ยวให้นุ่มไม่เท่ากัน
1. คั่วหัวหอมแดง กระเทียม ข่า ตะไคร้ ลูกผักชี รากผักชี พริกไทย ยี่หร่า ลูกกระวาน อบเชย และกานพลูด้วยไฟอ่อนให้หอม แล้วโขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด พักไว้
ต้มเนื้อหมูกับหางกะทิประมาณ 30 นาที จนหมูสุกแล้วพักไว้ (เก็บน้ำต้มหมูไว้)
2. นำหัวกะทิ 1 ถ้วยตวง ตั้งไฟใส่เครื่องแกงลงไปผัดจนหอมและแตกมัน (ระหว่างผัด หากแห้งเกินไปสามารถเติมหัวกะทิเพิ่มได้) ใส่หมูที่ต้มไว้ลงผัด ใส่หัวกะทิที่เหลือ และน้ำต้มหมูที่เหลือ
3.เมื่อน้ำกะทิเดือด ใส่คนอร์อร่อยชัวร์รสหมู มันฝรั่ง หัวหอมใหญ่ ถั่วลิสงคั่ว ลูกกระวาน และ อบเชยแท่งลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีบ และน้ำมะขามเปียก เคี่ยวต่ออีกประมาณ 15-20 นาที หรือจนหมูสุกนุ่ม
หมายเหตุ รับประทานคู่กับขิงดอง แตงกวาดอง หรือ น้ำอาจาด ส่วนเนื้อหมูสามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อส่วนอื่นๆ ได้ตามชอบแต่อาจจะใช้เวลาการเคี่ยวให้นุ่มไม่เท่ากัน